วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Viiindy

Blog
Published with Blogger-droid v1.7.2

?

Published with Blogger-droid v1.7.2

Viiindy

Bolg
Published with Blogger-droid v1.7.2

Blog

Published with Blogger-droid v1.7.2

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ใครช้ากันแน่ระหว่าง Card หรือ Card Reader




เคยสังเกตุมั๊ยว่า ทำไมซื้อ Card ความเร็วสูง มาใช้แต่ทำไม มันถ่ายโอนข้อมูลมันช้าจัง วันนี้เราลองมาหาคำตอบว่าเป็นเพราะ Card หรือ Card Reader ต่างหาก

......
วันนี้เราลองมาทดสอบ Card และ Card Reader ดูว่า อันไหนกันแน่ที่ทำให้มันช้าหรือเร็ว
อุปกรณ์ที่ใช้
   1. Card

 
       - SD Card 2GB ยี่ห้อ Kington ธรรมดา
       - CF Card 4GB Extreme III ความเร็ว 200X
  


 2. Card Reader
  
 
      - Internal Card Reader (ขายกันทั่วไป)
       - External Card Reader (ขายกันทั่วไป)
       - Card Reader ยี่ห้อ Kington FCR-HS219/1
  


 3. โปรแกรม การ Test: Flash Memory Toolkit 1.2
ลองมาดูผลการทดสอบโดยใช้โปรแกรม ภายใต้เงื่อนไข คอมพิวเตอร์ตัวเดียวกัน Workload เท่ากัน


1. ผลของการใช้ Internal Card Reader (ขายกันทั่วไป)




2. ผลของการใช้ External Card Reader (ขายกันทั่วไป) 


    


3. ผลของการใช้ Card Reader ยี่ห้อ Kington FCR-HS219/1






จากผลการทดสอบ พบว่า
1. Card ชนิดเดียวกัน แต่ Card Reader ที่ต่างกัน ก็จะให้ผลต่างกัน
2. Card ความเร็วต่างกัน แต่ใช้ Card Redaer ที่คุณภาพธรรมดา ก็ไม่สามารถรีดประสิทธิภาพของการ์ด ได้เต็มที่
3. ถึงแม้ว่า Card จะมีความเร็วสูง ถ้า Card Reader ให้การถ่ายโอนข้อมูลต่ำ ก็จะทำให้ ความเร็วในการถ่ายโอนช้าไปด้วย


ดังนั้นเมื่อต้องการความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทั้ง Card และ Card Reader ที่มีการถ่ายโอนสูงเช่นเดียวกัน โดยส่วนมากแล้วเรามักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ Card Reader มากเท่าไหร่


สรุป - Card ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง ต้องการได้ Card Reader ที่มีประสิทธิ์ภาพสูงเช่นเดียวกัน
ผลการทดสอบ 
       - สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นกับ ประสิทธิ์ภาพของเครื่อง Computer ที่ใช้
       - ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ ต้องการสนับสนุนสินค้ารุ่นนี้ภาพบางส่วนนำมาจาก Website โดย ค้นหาภาพมาประกอบการทำรีวิว


ขอบคุณข้อมูลการทดสอบและเนื้อหาดีๆจาก PDAMobiz.com : ข่าวสาร โดยคุณ Mongy

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เตรียมรับ I Phon4 ด้วย Micro SIM กันเถอะ

เห็นหลายๆท่านสนใจเรื่อง I-Phon4 กันเยอะเลยทีเดียว เลยขอนำเสนอสิ่งที่ควบคู่กับเครื่องมือของ Apple กันซะหน่อยจะได้เตรียมการใช้งานได้เมื่อไปซื้อกันมา นั้นคือ Micro SIM นั่นเอง ซึ่งเจ้า Micro SIM  นี้ไม่ได้ใช้กับแค่เจ้า I-Phon4 เท่าั้นั้น แต่ยังใช้กับเจ้า I-PAD ด้วย  ' o ' ??? ( อิซ ซะ งง )


งงละซิ ว่าเจ้า I_PAD ทำไมใส่ sim ด้วยละโทรเห็นจะได้เลยใหญ่ซะขนาดนั้น นั้นเป็นเพราะว่าเจ้า I-PAD นั้นใช้การ่อเน็ตผ่านทางระบบ 3G นั่นเองเพื่อให้เป็นมากกว่า Electronic Books สามารถทำงานต่างๆกับเอกสารต่างๆได้อย่างดีทีเดียวใว้ (~สนใจ iPad 3G และ iPad Camera คลิ๊กเลย  )  กลับมาเรื่องจิ๋วๆของเราต่อดีกว่า 
                
         แล้วเจ้านี่ แตกต่างจากซิมแบบเดิมอย่างไร สามารถตัดเองได้หรือไม่ ? 

         microSIM จะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงแค่ซิมการ์ดที่มีส่วนของพลาสติกล้อมรอบที่เล็กกว่าซิมการ์ดแบบทั่วไป (miniSIM) นั่นเอง โดยในส่วนของแผงวงจรนั้นเรียกได้ว่าเหมือนกันแทบทุกประการ ขนาดของซิมการ์ดมาตรฐานที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน หรือ miniSIM นั้น จะมีความกว้าง 15 มิลลิเมตร และยาว 25 มิลลิเมตร ส่วน microSIM นั้นจะมีความกว้าง 12 มิลลิเมตร และยาว 15 มิลลิเมตร ส่วนความหนานั้นเท่ากัน คือหนา 0.76 มิลลิเมตร
          ในเมื่อทราบว่าแผงวงจรของ microSIM และ miniSIM นั้นเหมือนกันแทบทุกประการ ก็เกิดคำถามต่อมาว่า เราจะสามารถนำ miniSIM ที่เรามีอยู่ มาทำการตัดด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะตัดด้วยกรรไกร คัตเตอร์ หรืออะไรก็ตาม ให้มีขนาดเท่ากับ microSIM แล้วไปเสียบใช้งานได้ทันทีเลยหรือไม่ คำตอบคือ สามารถทำได้ ด้วยเหตุที่ว่า ส่วนที่เราตัดออกเป็นเพียงแค่พลาสติกเปล่าๆ ที่ล้อมรอบแผงวงจรด้านในเท่านั้น จึงไม่ได้เกิดผลกระทบต่อการทำงานจริงๆ แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ก็เริ่มมีพ่อค้าหัวใส เริ่มทำอุปกรณ์สำหรับตัด miniSIM ให้เป็น microSIM โดยเฉพาะออกมาวางจำหน่ายแล้วอีกด้วย

         


 มี Adapter สำหรับแปลง microSIM ให้มีขนาดเท่ากับ miniSIM เหมือนเดิมได้ด้วย


ก็สรุปว่าเราสามารถนำ miniSIM เดิมๆ ที่ใช้กันทั่วไป มาตัดเป็น microSIM ได้ทันที แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดก็มีบรรดาผู้ให้บริการในบ้านเราทั้ง เอไอเอส, ดีแทค และ ทรูมูฟ ต่างก็พร้อมใจกันเปิดตัว microSIM ของตนเองเพื่อตอบรับกระแส และความต้องการของผู้บริโภคอย่างทันควัน ซึ่ง microSIM ที่ทุกค่ายเปิดตัวมานั้น จะ เน้นในเรื่องของ Data เป็นหลัก ไม่ได้เน้นในเรื่องของการโทรศัพท์แต่อย่างใด

         มาดูค่าบริการกันว่า แต่ละค่ายเข้าเอาใจลูกค้ายังงัย  "o"


      microSIM จาก เอไอเอส มีให้เลือกทั้ง แบบเติมเงิน และ แบบรายเดือน 
มีแพ็คเกจให้เลือกทั้ง 650 บาทต่อเดือน ที่ให้ใช้ EDGE/GPRS ได้ไม่จำกัด 
หรือแบบ 150 ต่อเดือน ที่ใช้ 3G ได้ 500 MB และใช้ EDGE/GPRS ได้ 50 MB

ค่าย ดีแทค ก็เริ่มเปิดตัว microSIM ของตัวเองแล้วเช่นกัน
แต่ดูเหมือนจะไม่มีแพ็คเกจแบบเหมาจ่าย หรือแบบ Unlimited เหมือนกับอีกสองค่าย
โดยจะคิดค่าบริการ EDGE/GPRS ในอัตรา นาทีละ 0.25 บาท

ค่าย ทรูมูฟ ก็ไม่น้อยหน้า ออก microSIM มาอย่างทันท่วงที
โดยมีแพ็จเกจแบบ 650 บาทต่อเดือน ซึ่งใช้ EDGE/GRPS ได้ 1 GB, ใช้ 3G ได้ 1 GB และ WiFi 
เอาข่าวมาบอก
          หลังจากมีการเปิดตัวมือถือ iPhone รุ่นใหม่ ชื่อว่า iPhone4 ในงาน WWDC2010 ของแอปเปิลในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมานั้นก็ได้สร้างความฮือฮาสะท้านวงการมือถือกันไปเลยทีเดียว และจากกระแสในประเทศไทยเองนั้นก็มากมายไม่แพ้กระแสในต่างประเทศ แต่ละคนต่างเฝ้าถามคำถามว่า เมื่อไหร่ iPhone4 นี้จะวางขายในประเทศไทยกันแน่ 
           และแล้ว เจ้าแห่งการสื่อสารรายหนึ่ง โดยเป็นข่าวจาก True นั่นเอง ซึ่งวันนี้ทวิตเตอร์ของ True Convergence นั้นได้ทวีตข้อความว่า 

"Truemove พร้อมเปิดตัว iPhone 4 เร็วๆนี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.truemove.com/iphone4"

           ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Truemove หน้าดังกล่าวก็พบว่าได้ลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของแอปเปิลที่กำลังโชว์ iPhone 4 อยู่ ซึ่งก็เท่ากับว่าเร็วๆนี้เมืองไทยของเรานั้นจะได้ใช้มือถือสมาร์ทโฟนสุดเจ๋ง จากแอปเปิลรุ่นใหม่กันแล้ว หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมทางเราจะนำมารายงานให้เร็วที่สุดครับ ถ้าได้ข่าวเพิ่มเติมยังงัย ต้องเอามารีวิวให้ชมแน่นอนครับ



       เอาภาพ Micro SIM มาฝากกันหน่อย ^^






เป็นงัยกันบ้างครับกับเจ้า Micro SIM 
ขอบคุณแหล่งความรู็ดีๆที่ thaimobilecenter ครับ

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

WIFI 3.9G ต่างไหมกับ 3G


นักท่องเ็น็ตทั่วหน้า...ตาโตกันเลยทีเดียว

กทช. เดินเครื่อง 3.9G เต็มสูบ เลิกทำ 3G เพราะล้าหลัง เตรียมส่ง 3.9G เตรียมเปิดประชาพิจารณ์ปลายเดือนนี้ 

เริ่มประมูลเดือน ส.ค. เสร็จสิ้น ก.ย. หวังให้ได้ใช้กันภายในปีนี้

          ข่าวเมื่อปีที่แล้ว ถึงเรื่องโครงการ 3G ในประเทศไทย นายกฯ มองว่า 3G ไม่ควรล่าช้าไปกว่านี้อีก ถ้าช้าอีกควรเลิกใช้ 3G ไปเลย และมองไปถึงเทคโนโลยีที่ใหม่กว่านั้นมาแทน " 
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และประธานคณะทำงาน 3.9G เริ่มให้ความชัดเจนว่าการประมูลใบอนุญาตจะเสร็จสิ้นประมาณเดือน ก.ย. ปีนี้และคาดว่าคนไทยจะได้ใช้บริการดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ 
         WoW แล้วทีนี้เราจะได้ใช้อะไรที่ใหม่กว่า 3G ไหม 
3G หรือ 3.9G?
3.9G เป็นชื่อเล่นที่มักใช้เรียกเทคโนโลยี LTE 
(ITU นิยามเพียง 1G, 2G, 3G เท่านั้น ส่วน 4G นิยามแล้วแต่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ) 
แต่ที่ พ.อ. นที อ้าง 3.9G น่าจะหมายถึงเทคโนโลยี HSPA+ มากกว่า แต่อย่ามัวสับสนตัวเลขเลยครับเพราะถึงอย่างไรก็เป็นเพียงชื่อเล่นไม่จำเป็นต้องถือเป็นสาระ ต้องดูที่ใบอนุญาตว่าระบุอย่างไร ในเบื้องต้นระบุว่า 
           1. เป็นเทคโนโลยี IMT หรือ 3G and beyond (ผู้ให้บริการสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้) 
           2. ต้องความเร็ว downlink ขั้นต่ำที่ 512 kbps (HSDPA ขึ้นไป) 
           3. ใช้ความถี่ย่าน 2.1GHz (ยังไม่มีอุปกรณ์ LTE ที่ย่านนี้) 
           4. พ.อ. นที ระบุว่าความเร็วสูงสุดถึง 42Mbps (ตรงกับสเปคของ HSPA+)

          ค่าบริการจะแพงขึ้นจาก 3G ตัวเดิมไหมเนียร์ >.< อย่าเพิ่มเลยแค่นี้ก็เยอะแล้ว
          ค่าบริการโทรศัพท์ระบบ 3.9 G คาดว่า ราคาจะไม่แตกต่างหรือสูงกว่าระบบ 3G ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันมากนัก แต่ทั้งนี้ ค่าบริการอาจจะต้องดูในส่วนของการทำการตลาดของผู้ให้บริการแต่ละรายในอนาคต หลังจากเปิดให้บริการระบบ 3.9 G อย่างเต็มระบบอีกครั้ง 

          "."? แล้วทำไมไม่เป็น 4G ไปเลยละ ??? 
             อย่างที่ข้างบนรายงานหละครับ 4G ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ เป็นสาเหตุที่ไม่กระโดดไป 4G นั้นเป็นเพราะ 3.9G นั้นอัพเกรดได้ง่ายกว่าและมีความพร้อมในเชิงพาณิชย์มากกว่า

           ทีนี้เราจะโทรศัพท์แบบ "วิดีโอ คอลล์" หรือมือถือเห็นหน้าได้ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ^^
เตรียมกันใว้หรือยังครับกับโทรศัพท์กล้องหน้ารองรับระบบ 3G ล่าสุดเมื่อตอนเกิดสถานการณ์เห็นทางช่อง3 นำมาใช้ถ่ายทอดสัญญาณสดให้ดูกันเลยทีเดียว ช้าบ้างติดนิดหน่อยแต่ สดจริงๆครับ ต่อไปเกิดเหตุการณ์อะไรต่อ 3G โทรออกรายงานกันสดๆ
ได้ทันที เป็นประโยชอย่างนึงในหลายๆอย่างของการมีเทคโนโลยี่ให้ใช้งานนะครับ
           
ก็คาดหวังและรอคอยครับเพราะว่าเราคอย 3G กันมาซักพักแล้วงานนี้รอต่ออีกหน่อย แม้ที่ผ่านมาเราจะช้ากว่าเพื่อน
บ้านไปบ้าง >.< นะครับ การเลือกที่จะเรียกว่า 3.9G เพื่อสื่อให้เข้าใจว่าเป็นบริการใหม่ แม้ว่าการออกใบอนุญาตจะติดขัดล่าช้ามาเนิ่นนานแต่ก็สามารถที่จะให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้เลย ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ … แม้จะสับสนสักหน่อย แต่ก็ถือว่าทำให้ประชาชนในวงกว้างมอง 3G อย่างมีความหวังมากขึ้นครับ

        ถ้าใครอดใจรอไม่ใหวอยากสัมผัส 3G แนะนำให้ลองใช้ของ CDMA ครับ Sim TOT ผมลองมาแล้วก็ใช้ได้เลยทีเดียวครับในเขต กรุงเทพฯและปริมนฑล แต่ค่าบริการขึ้นอยู่กับการใช้งานครับ (ทาง True มีทดลองใช้ใน กทม บ้างแล้ว) 
        3G กันไปก่อนแล้วกันนะครับ อีกแป๊บก็ 3.9G แล้ว อีกนิดนะคนไทย

ขอบคุณที่มาของข่าว mobileinternetthailan ครับผม